วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

“นาจิบ ราซัค“ นั่งเก้าอี้นายกฯมาเลเซีย สมัยที่ 13“นาจิบ ราซัค“ นั่งเก้าอี้นายกฯมาเลเซีย สมัยที่ 13


“นาจิบ ราซัค“ นั่งเก้าอี้นายกฯมาเลเซีย สมัยที่ 13
การเลือกตั้งในมาเลเซีย
            ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ปรากฎว่า พรรคแนวร่วมรัฐบาลสามารถคว้าชัยชนะไว้ได้อีกครั้ง ทำให้ได้ครองอำนาจต่อไปอีกเป็นปีที่ 56 ติดต่อกัน
           สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ปรากฏว่า หลังปิดหีบลงคะแนนผ่านไปประมาณ 9 ชั่วโมง และนับบัตรได้กว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมด พรรคร่วมรัฐบาลในนาม แนวร่วมแห่งชาตินำโดยพรรคอัมโนของ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค คว้าชัยชนะได้สำเร็จ เมื่อได้ ส.ส. เข้าสู่รัฐสภาแล้วอย่างน้อย 127 ที่นั่ง ครองเสียงข้างมากจากทั้งหมดในรัฐสภา 222 ที่นั่ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเอกเทศ ขณะที่แนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม ได้ ส.ส. แล้ว 77 ที่นั่ง
           นับเป็นชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป 13 ครั้งติดต่อกัน ของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งผูกขาดครองอำนาจเป็นรัฐบาลมาตลอด ตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2500 และเป็นชัยชนะที่ค่อนข้างผิดความคาดหมายก่อนหน้านี้ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่สุดจากฝ่ายค้าน
เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมาเลเซีย เผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนราว 13 ล้านคน ตัวเลขผู้ที่ออกไปใช้สิทธิสูงถึง 80 % หรือกว่า 10 ล้านคน โดยการลงคะแนนมีขึ้นในหน่วยเลือกตั้งกว่า 8,000 หน่วยทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 08.00 น. – 17.00 น.
                พรรคพันธมิตรฝ่ายรัฐบาล National Front ของนายกฯ มาเลเซีย Najib Razak ยืดเวลาการปกครองประเทศไปอีกอย่างน้อย 4 ปีเป็น 56 ปี หลังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งัวนอาทิตย์หลังได้ที่นั่ง 112 จากทั้งหมด 222 ที่นั่งในรัฐสภามาเลเซีย ส่วนพรรคฝ่ายค้านของอดีตรองนายกฯ Anwar Ibrahim ได้ไป 57 ที่นั่งหลังจากนับคะแนนไปแล้วกว่า 2 ใน 3

                รายงานระบุว่ามีชาวมาเลเซียออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 10 ล้านคนหรือราว 80% ซึ่งเป็นสถิติใหม่
               สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่าการเลือกตั้งในประเทศมาเลเซีย โดยผลคะแนนระบุว่า รัฐบาลผสมแนวร่วมแห่งชาติ (Barisan Nationa/BN) พรรคบีเอ็นของนาจิบ ราซัคได้รับชัยชนะเลือกตั้งมาเลเซีย หลังได้จำนวน ส.ส. ทั้งสิ้น133 ที่นั่ง จากที่นั่งทั้งหมด 222 ที่นั่ง และสมาชิกสภาแห่งรัฐรวม 12 รัฐ อีก 505 ที่นั่ง โดยมีผู้สมัครทั้งหมด 1,900 คน ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน "ภาคีประชาชน" (Pakatan Rakyat/PR)นำโดยนาย อันวาร์ อิบราฮิม แม้จะแพ้การเลือกตั้งแต่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็น 89 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งคราวก่อน 7 ที่นั่ง
                 ซึ่งชัยชนะครั้งนี้ทำให้นายราซัคกลับมาบริหารประเทศต่ออีก 5 ปี และถือเป็นเป็นชัยชนะการเลือกตั้งติดต่อเป็นสมัยที่13 ครั้งของพรรคบีเอ็น หรือที่พยายามอย่างหนักที่จะเอาชนะให้ได้ เพื่อจะได้ที่นั่งเพิ่มในสภาผู้แทนราษฎร รัฐบอเนียว , รัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัค ต่างก็เป็นจุดที่มีการแข่งขันดุเดือดเช่นกัน
                   นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค โพสต์ในเฟซบุ๊คว่า เวลาสำหรับการลงคะแนนเสียงหมดลงแล้ว ขอบคุณที่แสดงความรับผิดชอบในฐานะชาวมาเลเซีย การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่ก็มีเสียงร้องเรียนจากผู้ใช้สิทธิ์บางคน ที่บอกว่า ชื่อของพวกเขาถูกขีดทิ้ง เพราะมีคนมาสวมสิทธิ์เลือกตั้งไปแล้ว

                   นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาอีกมาก กรณีชาวต่างชาติถูกจับได้ในขณะพยายามไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และมีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกสังคมออนไลน์และข้อความสั้น หรือ เอสเอ็มเอส ว่า พบชาวต่างชาติจำนวนมากอยู่ตามคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศ
                     นายกรัฐมนตรีนาจิบ โพสต์ข้อความปฏิเสธในทวิตเตอร์ว่า พรรครัฐบาลของเขา ไม่ได้ส่งผีไปสวมสิทธิ์ เพื่อเอาคะแนนเสียง และยืนยันว่าเป็นการเลือกตั้งที่ยุติธรรม
                  นอกจากนี้นายนาจิบกล่าวถึง ครม. ชุดใหม่ ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการ 30 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 27 ตำแหน่ง จากการคัดสรรของเขาว่า เป็น คณะรัฐมนตรีที่ลงตัวระหว่างกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ นักวิชาการ และตัวแทนของคนรุ่นใหม่นาจิบประกาศรายชื่อ ครม. 10 วัน หลังจากแนวร่วมแห่งชาติชนะการเลือกตั้งทั่วไปหนล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. โดยพรรคร่วมรัฐบาลสามารถต้านทานความท้าทายครั้งใหญ่สุดจากฝ่ายค้านไว้ได้ โดยได้ ส.ส. เข้าสู่รัฐสภา 133 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง  ครม.ชุดใหม่จะมุ่งเน้นการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความวางใจของประเทศ รับประกันความต่อเนื่อง และต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชัน
                    กระทรวงสำคัญที่มีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี รวมถึง กระทรวงกลาโหม และ มหาดไทย ส่วนรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่โดดเด่น ได้แก่ นายไครี จามาลุดดิน หนึ่งในนักการเมืองที่เชี่ยวชาญด้านอินเทอร์เน็ตมากที่สุดของมาเลเซีย ได้รับมอบหมายให้คุมกระทรวงเยาวชนและการกีฬา นายอับดุล วาฮิด โอมาร์ ประธานธนาคารยักษ์ใหญ่ เมย์แบงค์ของมาเลเซีย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีที่ค่อนข้างสร้างความแปลกใจ ได้แก่ นายพอล โลว์ นักรณณงค์ต่อการการทุจริต ได้รับตำแหน้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นาย พี. เมย์ธา มูร์ธี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยประจำสำนักนายกฯ

                  ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) ปรากฏว่า หลังปิดหีบลงคะแนน พรรคร่วมรัฐบาลในนาม "แนวร่วมแห่งชาตินำโดยพรรคอัมโนของ นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค คว้าชัยชนะได้สำเร็จอีกครั้ง
 พรรคร่วมรัฐบาลในนาม "แนวร่วมแห่งชาติ" นำโดยพรรคอัมโนของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ได้รับชัยชนะด้วยเสียงข้างมากในการเลือกตั้งที่มีขึ้นเมื่อวานนี้ (5 พ.ค.) โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยว่า แนวร่วมแห่งชาติคว้าที่นั่งในรัฐสภาได้แล้ว 133 ที่นั่งจากทั้งหมด 222 ที่นั่ง ขณะที่แนวร่วมฝ่ายค้าน 3 พรรค นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม ได้ ส.ส. แล้ว 89 ที่นั่งเพิ่มขึ้น 82 ที่นั่ง จากการเลือกตั้งครั้งก่อน

                  เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติมาเลเซีย เผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนราว 13 ล้านคน ตัวเลขผู้ที่ออกไปใช้สิทธิสูงถึง 80 % หรือกว่า 10 ล้านคน โดยการลงคะแนนมีขึ้นในหน่วยเลือกตั้งกว่า 8,000 หน่วยทั่วประเทศ

                  อย่างไรก็ตาม ภายหลังทราบผลการเลือกตั้ง นายนาจิบ ได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยอมรับชัยชนะของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแสดงออกให้โลกได้รับรู้ว่า มาเลเซียเป็นประเทศประชาธิปไตย ขณะที่นายอันวา อิบบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมา ต้องมีการฉ้อโกงเกี่ยวข้องด้วยแน่นอนแต่เขายังไม่อยากตัดสินใจสรุปทุกอย่าง ในตอนนี้ แต่ต้องการให้คณะกรรมการการเลือกตั้งอธิบายทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน
                  เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ นายนาจิบ ราซัค ประธานแนวร่วมแห่งชาติ ซึ่งเป็นสหพันธ์บริหารมาเลเซียได้ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง เป็นวาระที่สอง
แนวร่วมแห่งชาติได้ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาราษฎรทั่วประเทศชุดที่ 13 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม และจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง โดยในเช้าวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ นายนาจิบได้เดินทางไปคารวะประมุขแห่งชาติและได้รับอนุญาตให้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับมอบหนังสือแต่งตั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดพิธีปฏิญาณตนที่พระราชวังเมื่อเวลา 16.00น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม
วันเดียวกัน นายนาจิบ ประธานและนายตัน ศรี มุห์ยิดดิน ยัซซิน รองประธานแนวร่วมแห่งชาติจัดงานเฉลิมฉลองที่สำนักงานใหญ่ และกล่าวว่าจะพิจารณาและวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งครั้งนี้